นาร์ซิสซัส
Narcissus เป็นชายหนุ่มรูปงามที่สุดในยุคกรีกโบราณ
ทุก ๆ เช้าหลังตื่นนอน
สิ่งแรกที่เขาทำคือสำรวจตนเองผ่านหน้ากระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้ทั้งตัว
เขาจะลูบไล้ฝ่ามือไปมาบนเส้นผมสีทองดังแสงตะวันของเขา
แล้วกระพริบตาที่มีดวงตาสีฟ้ากระจ่างสดใส จากนั้นก็จะเบ่งกล้ามเพื่อสำรวจรูปร่างอันสง่างาม
ยิ้มให้กับตัวเองด้วยฟันสีขาวไข่มุกที่เรียงกันเป็นระเบียบ
แล้วจึงสวมเสื้อผ้าเพื่อไปรับประทานอาหารเช้า ….ช่างเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่หลงตัวเองซะเหลือเกิน
บิดาและมารดาของเขายังไม่ได้มอบงานใด
ๆ เป็นชิ้นเป็นอันแก่เขาเพราะเขาพึ่งอายุ 16 เท่านั้น
ด้วยความที่เขาเป็นหนุ่มรูปงามมาก จึงทำให้หญิงสาวแทบทั้งเมืองหลงรักเขา
แต่ปัญหาคือ นาร์ซิสซัส
Narcissus ช่างหลงตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ
เขาไม่คิดว่าจะมีหญิงสาวคนใดในเมืองที่คู่ควรกับเขา
จนทำให้หญิงสาวทุกคนอกหัก
ตัวอย่างที่มีให้เห็น
เช่น มีหญิงสาวคนหนึ่ง สาบานว่าจะฆ่าตัวตายถ้า นาร์ซิสซัส Narcissusไม่เมตตาต่อความรักของนาง
คำตอบที่ นาร์ซิสซัส
Narcissus มอบให้นางคือ
การยื่นดาบให้เล่มหนึ่ง เด็กสาวผู้บูชารักจึงวิ่งเข้าหาดาบจนมันทะลุร่าง
และนั่นก็คือจุดจบของนาง
มิเพียงมนุษย์เท่นนั้นที่หลงใหล
ตกตะลึงพรึงเพริดกับความหล่อเหลาในตัว นาร์ซิสซัส
Narcissus ในตำนานกรีกจะกล่าวถึงนางไม้ Nymphบ่อยครั้ง
ซึ่งนางไม้
Nymphก็คือวิญญาณที่อาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำหรือน้ำพุ
วนเวียนอยู่รอบทุ่งกว้างและเทือกเขา รวมทั้งทำหน้าที่ปกป้องต้นไม้ในป่าด้วย
หนึ่งในบรรดานั้นก็คือ เอคโค่ Echo นางเป็นนางไม้ Nymphสาวที่ตกหลุมรัก นาร์ซิสซัส Narcissus มากเช่นกัน
และนั่นนับว่าเป็นหายนะที่เลวร้ายครั้งที่สองที่เกิดขึ้นกับชีวิตของนาง
หายนะครั้งแรกของ เอคโค่ Echo เกิดขึ้นเมื่อนางหลอกล่อ เฮร่า Hera ผู้เป็นมเหสีของ ซูส Zeus และเป็นราชินีแห่งปวงเทพ อีกทั้ง เฮร่า Hera องค์นี้ทรงเป็นเทพที่ผูกใจเจ็บ พระองค์ไม่รู้จักคำว่าให้อภัย เอคโค่ Echo ล่อหลอกให้ เฮร่า Hera ไขว้เขว ขณะที่ ซูส Zeus ทรงแอบหนีไปหาความสำราญกับนางไม้ Nymphตนอื่นที่เพิ่งพบกัน
ดังนั้นเมื่อ เฮร่า Hera ทรงทราบ พระนางกริ้วมาก จึงทรงลงโทษ เอคโค่ Hera โดยสาปให้นางสูญสิ้นพลังในการพูด พร้อมกับสาปให้นางต้องพูดซ้ำถ้อยคำสุดท้ายของทุกคนที่พูดกับนาง
ดังนั้นเมื่อ เอคโค่ Echo พยายามที่จะบอกความในใจกับ นาร์ซิสซัส Narcissus นางก็ทำได้แค่เพียง พูดซ้ำถ้อยคำสุดท้ายของเขาเท่านั้น
ผลที่ติดตามมาคือโศกนาฏกรรม
วันหนึ่งขณะที่ เอคโค่ Echo กำลังเดินเล่นในป่า ขณะที่ นาร์ซิสซัส Narcissus กำลังออกล่ากวาง แต่วันนั้นอากาศร้อนอบอ้าวมาก
เกินกว่าที่จะวิ่งไล่ล่ากวาง นอกจากนี้เขาก็เกรงว่าผมของเขาจะยุ่งเหยิง
หรือไม่ก็เสื้อผ้าจะยับถ้ายังขืนไล่ล่าต่อไป เขาก็เลยเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ
บนเส้นทางที่สุมไปด้วยใบไม้ เมื่อเขาเห็นนางไม้นางหนึ่ง จ้องเขม็งมาที่เขา
เขาจึงอ้าปากหาว
“เฮ้อออ…..สวัสดี ”
เขาพึมพำทักทาย ” ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ใช่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่เห็นว่าข้ารูปงามมากนะ
”
“ รูปงามมาก ” เอคโค่ Echoตอบ
“ ฮึ ฮึ
ข้าก็คิดเช่นนั้น ” นาร์ซิสซัส
Narcissusพูด
“ แต่ข้าเกรงว่าเจ้าจะเสียเวลาเปล่า ”
“ เสียเวลาเปล่า ” เอคโค่ Echo พูดซ้ำ
“ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ควรจะ
……” นาร์ซิสซัส Narcissusพูดต่อ
“ เข้าใกล้ข้า
” เอคโค่ Echoพูดตาม
“ เจ้าหูหนวกหรืออย่างไร
ข้าเพิ่งจะบอกเจ้าว่าจะไม่ยอมให้เจ้าเข้าใกล้ ไป …ไปให้พ้นนะ ”
“ ไปให้พ้น ” เอคโค่ Echoพูดตามด้วยน้ำตาและความรันทดใจ
เมื่อตะหนักว่าสิ้นหวังเสียแล้ว นางไม้ Nymph เอคโค่ Echo จึงหนีออกจากป่า ด้วยน้ำตาอาบหน้า นางใช้ชีวิตช่วงสั้น ๆ
ที่เหลืออยู่กับดวงใจที่แตกสลาย และหลบอยู่เพียงเดียวดายในหุบเหวที่อ้างว้าง
นางใช้ชีวิตที่เหลืออยู่แต่ในถ้ำ จนเนื้อหนังของนางเริ่มเหี่ยวเฉาไป
กระดูกของนางกลายเป็นหิน ในไม่ช้าสิ่งที่เหลือก็มีเพียงสิ่งเดียวคือ …..เสียงของนาง
ซึ่งนั่นหมายถึงว่า
…ถ้าคุณมีโอกาสได้ไปเที่ยวในหุบเหวหรือถ้ำ
คุณก็จะได้ยินเสียงของนางกลับมาในทุกครั้งเหมือนที่คุณเปล่งเสียงตะโกนออกไป …นั่นแหละค่ะ …เอคโค่ Echo
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง นาร์ซิสซัส Narcissusยังคงเดินต่อไป
เขากำลังนึกอยู่ว่าจะแต่งตัวด้วยชุดไหนดี
สำหรับการรับประทานอาหารค่ำในคืนวันนั้น และทรงผมของเขาจะดูดีขึ้นมั้ยนะ
ถ้าเขาลองแสกผมไปทางซ้ายดูน่ะ อะโฟรไดท์ Aphrodite ทรงเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น และได้ยินวาจาสุดท้ายที่เขาพูดกับ เอคโค่ Echo ซึ่งทำให้พระองค์กริ้วเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุที่ทรงเป็นเทพธิดาแห่งความรัก
และนาร์ซิสซัส
Narcissusก็ทำตัวเป็นศัตรูต่อความรักอย่างมากทั้งคำพูดและการกระทำ
จึงทรงสาปให้เขาหลงรักตัวเอง
ตามปกติ นาร์ซิสซัส Narcissus ก็หลงรักตัวเองเกินงามอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อโดนคำสาปของ อะโฟรไดท์ Aphrodite อาการของเขาก็ยิ่งกำเริบหนักกว่าเดิมมาก
ระหว่างที่เดินกลับบ้านเขาพบสระน้ำแห่งหนึ่งกลางป่า ซึ่งมีน้ำใสจนเป็นประกาย
วันนั้น อากาสร้อนจัด เขาจึงคุกเข่าลงดื่มน้ำ
นี่เองคือช่วงเวลาที่เขาได้เห็นชายหนุ่มรูปงามที่สุดในโลก…ด้วยตาของเขาเอง
ปากของเขาอ้าค้าง เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่เห็น
ดวงตาของเขากระพริบด้วยความประหลาดใจเช่นเดียวกับชายหนุ่ม
เขาจึงยิ้มให้ ชายหนุ่มก็ยิ้มตอบ เขาตกหลุมรักเงาตนเองในทันที
วันรุ่งขึ้น
บิดาและมารดาของเขาออกตามหาเขาทุกหนทุกแห่ง ก็มาพบเขานั่งอยู่ข้างบ่อน้ำ
“ นาร์ซิสซัส Narcissus ” พวกเขาร้องเรียก
“ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่
เราเป็นห่วงเจ้ามากนะ …”
“ เงียบนะ ” นาร์ซิสซัส Narcissus ตะคอก
น้ำตาหยดหนึ่งรินไหลออกจากตาของเขา
“ พวกท่านทำให้เขาหนีไป
”
“ ทำให้ใครหนีไปกัน
?? “มารดาของเขาถามอย่างงุนงง
“ หนุ่มคนนั้น ” นาร์ซิสซัส Narcissus กระซิบ
“ เขารูปงามมาก…. แม้เขาจะโหดร้ายไปหน่อยก็ตาม เพราะทุก ๆ
ครั้งที่ข้าพยายามจะสัมผัสตัวเขาหรือพยายามจะจุมพิตเขา เขาก็จะวิ่งหนีไป !! ”
เขาเอื้อมมือลงสัมผัสน้ำ
ซึ่งแน่นอนว่าภาพสะท้อนนั้นก็วาววับก่อนที่จะเลือนหายไป
“ แต่อีกครู่เดียว
เขาจะกลับมาหาข้า ” นาร์ซิสซัส
Narcissusพูดต่อ
เสียงของเขาดูนุ่มนวลแต่ฟังดูห่างไกล ระคนเศร้า
“ ดู ดู
นั่น..เขา..เขากลับมาแล้ว ….นั่น ท่านดูซิ ดวงตาของเขาสวยไหม !!! ??
!! ”
“ ลูกเราเป็นบ้าไปแล้ว
” บิดาของเขารำพึง
“ กลับบ้านกันเถิด นาร์ซิสซัส Narcissus ลูกรัก ” มารดาของเขาบอก ” เจ้ายังไม่ได้กินอาหารเย็น หรืออาหารเช้าเลยนะ
เจ้าต้องหนาวตายแน่ ถ้าขืนนั่งอยู่ที่นี่ทั้งคืน ”
“ ไม่ ไม่ “ นาร์ซิสซัส Narcissusพูด ” ข้าจะไม่ทิ้งเขาไปไหนทั้งนั้น
ข้าจะอยู่ที่นี่ ”
และไม่ว่าบิดามารดาของเขาจะพูดเช่นไร
เขาก็ไม่ยอมขยับไปไหน เขายังคงนอนอยู่บนพื้นหญ้าตลอดทั้งกลางวันกลางคืน
เฝ้าจ้องมองเงาสะท้อนของตนเองอยู่เงียบ ๆ บิดามารดาจึงต้องนำอาหารมาให้
ซึ่งเขาก็ไม่อาจละสายตาจากเงาสะท้อนมาเพื่อจะกินอาหารได้เลย
ความทุกข์ทวีของ นาร์ซิสซัส Narcissusเพิ่มมากขึ้น
เพราะคนที่เขาหลงรักอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่เขากลับไม่อาจจะสัมผัสได้
ในที่สุดความทุกข์ระทมก็ท่วมท้นเกินต้านทานไหว
และดูเหมือนว่าชายหนุ่มในบ่อน้ำก็จะทุรนทุราย
ทรมานใจเช่นเดียวกันกับเขา เพราะใบหน้าที่สะท้อนในเงาน้ำนั้น
ก็เริ่มซีดเซียว น้ำตาไหลรินอาบแก้ม ดวงตาบวมแดงช้ำ
“ ข้าทำร้ายใจเจ้า เช่นเดียวกับที่เจ้าทำร้ายใจข้า ” นาร์ซิสซัส Narcissus กระซิบ แผ่วเบา พลางเอื้อมมือไปหยิบกริชที่เหน็บไว้กับเข็มขัดออกมา
“ ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าอีก ยอดรักของข้า ”
เขาจ้วงมีดลงตรงกลางหัวใจของตนเอง
เขากรีดร้องด้วยความเสียใจพร้อมกับที่ชายหนุ่มในน้ำกรีดร้อง เอคโค่ Echo ก็เช่นกัน
นางคงกำลังกรีดร้อง ร่ำให้อยู่ที่ก้นบึ้งหุบเหวที่ไหนสักที่
ไกลออกไปจากที่นั่น
นาร์ซิสซัส Narcissus ขาดใจตายอย่างทรมาน อะโฟรไดท์ Aphrodite นึกเวทนานัก
จึงเสกให้เขากลายเป็นดอกไม้ เพื่อเตือนให้ระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ เรามักจะเห็นดอกนาร์ซิสซัส Narcissusขึ้นอยู่ทั่วไปในป่า และบริเวณรอบบ่อน้ำ
หรือบึงที่เป็นประกายใสสะท้อนเงาและเงียบสงัด
ที่มา : http://xn--o3cdbaaf0a2nen1byqc.blogprathai.com/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%8B%E0%B8%B1%E0%B8%AA-narcissus-1/
ที่มา : http://xn--o3cdbaaf0a2nen1byqc.blogprathai.com/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%8B%E0%B8%B1%E0%B8%AA-narcissus-1/
สิ่งใดจักร้าวรานปานรักขม
ก่อเรื่องราวเล่าขานความตรอมตรม
ให้ผู้คนยินชมระทมตาม
กาลครั้งปรัมปรานานมาแล้ว
สำเนียงแผ่วแว่วฟังตั้งคำถาม
กับความรักที่รัดรุมหนุ่มรูปงาม
“นาร์ซิสซัส” เจ้าของนามนิยามนี้
รูปสมบัติหล่อเหลากว่าเขาอื่น
เหล่าสตรีหยิบยื่นกลับฝืนหนี
ไม่สนใจเสน่หาแห่งสตรี
กลับหลีกลี้หลบรำคาญสู่ธารไพร
เทพวีนัสทรงโกรธลงโทษพลัน
ชายฉกรรจ์หน่ายรักต้องผลักไส
สมควรผิดฐานหนีไม่มีใจ
สาปส่งให้หลงเงาเฝ้าตนเอง
ริมธาราขณะจะวักน้ำ
กลับชื่นฉ่ำต้องมนต์เวียนวนเพ่ง
โอบกอดน้ำเงาก็หายวับวังเวง
พอหยุดเร่งเลิกคว้ากลับมาเยือน
ได้แต่นิ่งหลงรักสลักจิต
เพ่งพินิจเงาอยู่ไม่รู้เคลื่อน
ล่วงเลยวันผันแปรหรือแชเชือน
รักมิเลือนจมกับที่ ชีวีวาย
สิ้นใจตายตรงนั้นริมธารน้ำ
โดยไม่รู้หนึ่งนางหลงมั่นคงหมาย
เจ้า “เอคโค่” ผู้อาภัพต้องกลับกลาย
เอ่ยคำขานสุดท้ายคล้ายทวนคำ
“นาร์ซิสซัส” ตายแล้วกลับเกิดใหม่
เป็นดอกไม้งามเมลืองสีเหลืองฉ่ำ
“แดฟโฟดิล”ริมเรี่ยเกลี่ยฝั่งน้ำ
ตำนานรักนาฏกรรมรำพันครวญ
เจ้า “เอคโค่” ส่งเสียงสำเนียงเศร้า
ก้องลำเนาพฤกษ์ไพรคล้ายไห้หวน
โศกเสียใจ “นาร์ซิสซัส” ร้าวรัญจวน
ร้องทานทวนทั่วถิ่นเคยยินไหม
โอ้ความรักสร้างตำนานให้พานพบ
โอ้ความรักสร้างตำนานให้พานพบ
เศร้าประสบรักจริงช่างยิ่งใหญ่
กาลเวลาเนิ่นนานที่ผ่านไป
มีแต่รักประดับไว้ให้ได้ยิน
กาลเวลาเนิ่นนานที่ผ่านไป
มีแต่รักประดับไว้ให้ได้ยิน
(วรรณ วริญญา ๑๕ มิถุนา
๕๒)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น