วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ตำนานดอก Forget-Me-Not



          คำว่า “ Forget-Me-Not” แปลว่า “ อย่าลืมฉัน ” เป็นคำพูดสุดท้ายของผู้ชายคนหนึ่งก่อนที่ความตายจะมาพรากเขาไปจากสาวคนรัก หนุ่มคนนี้มีชีวิตอยู่ในประเทศฝรั่งเศสเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว เขาเป็นอัศวินผู้กล้าหาญ ซึ่งมีคนรักเป็นสาวงาม ครบสูตรคู่รักเฟอร์เฟ็คท์ของสมัยนั้น 


                  วันหนึ่งทั้งคู่ไปเดินเล่นริมแม่น้ำ บังเอิญสาวคนรักเหลือบไปเห็นดอกไม้แปลกหน้าสีม่วงเข้มสดใส ซึ่งไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ชูดอกงามอยู่ริมตลิ่ง เธอก็เลยขอร้องคนรักให้ลงไปเก็บให้ ซึ่งเขาก็ทำตามโดยดี แต่โชคร้ายที่ตลิ่งลื่นมาก และตัวเขาก็ใส่เสื้อเกราะเหล็กซึ่งหนักอึ้งอยู่ ชายหนุ่มก็เลยลื่นตกลงไปในแม่น้ำที่เชี่ยวกราก เขาพยายามตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด แต่เพราะน้ำหนักเสื้อทำให้เขาจมลงไปทุกที ชายหนุ่มรู้จุดจบของเขาคงจะมาถึงแน่แล้ว เขาจึงโยนดอกไม้ดอกงามขึ้นไปให้สาวคนรักและตะโกนบอกเธอเป็นประโยคสุดท้ายว่า “ Ne moubliez pas... อย่าลืมฉันนะที่รัก จากนั้นร่างของเขาก็จมลงหายไปในแม่น้ำ ดอก Forget Me Not ” (เป็นคำในภาษาอังกฤษแปลว่าอย่าลืมฉัน) จึงถูกตั้งให้เป็นตัวแทนของรักแท้ที่ไม่มีวันดับ เหมือนความรักของอัศวินหนุ่มกับสาวคนรักนั้นเอง



 ณ ริมฝั่งท้องธารละหานหนึ่ง                         ร่มเย็นซึ้งธรรมชาติประสาทให้
มีเนินหญ้า พุ่มไม้ดอกและใบ                         ล้วนสีสันสดใสเพลินนัยตา
สายลมโชยโบยบัดมารวยรื่น                          ระลอกคลื่นระริกไล่ให้หรรษา
นกส่งเสียงเริงรื่นชื่นอุรา                                สายธาราไหลเชี่ยวเป็นเกลียวแรง
มีสาวงามหนุ่มหล่อนั่งคลอเคล้า                     หน้าสาวเจ้าซบแนบแอบอกแกร่ง
  ในอ้อมกอดด้วยแขนอันแข็งแรง                     ต่างแสดงรักรื่นชื่นหทัย
หนุ่มออดอ้อนด้วยวาจาอันเปี่ยมรัก                 ด้วยจิตใจผูกสมัครเสน่หา
 เป็นถ้อยคำซาบซึ้งจากวิญญา                          เป็นวาจาหวานซึ้งตรึงฤทัย



“ แม่ยอดรักดวงจิตชีวิตพี่                              พี่แสนรักดวงฤดีนี่ไฉน
จะขอรัก-รักเจ้านะทรามวัย                            แม้ชีวิตหาไม่รักนิรันดร์
ทั้งชาตินี้ชาติหน้าและชาติไหน                      ขอเป็นคู่ร่วมใจแม่จอมขวัญ
จะครองรักสดชื่นทุกคืนวัน                             ใช่เสกสรรปั้นกล่าวนะแก้วตา ”
แม่สาวน้อยแสนปลื้มในคำรัก                       ช่างเพราะนักจิตสวาทเสน่หา
 โลกทั้งโลกเรืองรองเหลือคณา                       สว่างจ้าประจักษ์แจ้งแก่โฉมตรู
 “ โอพี่ขายอดจิต ชีวิตน้อง                              ช่างเพราะพร้องน้ำคำฉ่ำชื่นหู
อันถ้อยคำของพี่ที่พร่างพรู                             ประจักษ์รู้รักแท้แน่แก่ใจ
น้องจะรัก-รักพี่ไม่มีห่าง                               ไม่จืดจางจวบชีวิตจะหาไม่
จะภักดีต่อพี่ยอดดวงใจ                                  จะเทอดทูนรักไว้สุดชีวัน
สองหนุ่มสาวพลอดพร่ำด้วยคำหวาน               แสนชื่นบานในรักสลักมั่น
เชื่อว่ารักจักชื่นทุกคืนวัน                                ไม่มีวันแปรเปลี่ยนเป็นอื่นใด
หาคิดไม่ว่าทุกสิ่งนั้นไม่เที่ยง                          ไม่สามารถหลีกเลี่ยงกรรมใดได้
คิดว่ารักจักเที่ยงตลอดไป                               เหมือนเสพย์สุขอยู่ในสุขาวดี



ทันใดนั้นสาวเจ้าแลชม้อย                               เห็นดอกไม้ช่อน้อยๆงามสุดสี
ช่อสีฟ้ากระจิดหริดน่ารักดี                              ใกล้นทีเดียรดาษลาดต่ำลง
เธอเอื้อนเอ่ยอยากได้ดอกไม้นั้น                     แต่เกินฝันเพราะอยู่ไกลใจใหลหลง
พ่อหนุ่มว่า  ยอดชีวาอย่าพะวง                    พี่จะลงเก็บให้ในพริบตา
ว่าสิ่งใดใดในโลกนี้                                      ถ้าน้องพี่มุ่งมาดปรารถนา
จะไขว่คว้าหาให้นะแก้วตา                             เว้นดาวเดือนบนฟ้านั้นจนใจ
ประทับจูบบนแก้มของสาวรัก                        ไม่ช้าชักไต่ลงริมฝั่งใหญ่
โน้มเก็บดอกสีฟ้าให้ยาใจ                               เอื้อมเท่าไรไม่ถึงจึงหยุดพลัน
 เอามือหนึ่งยึดหญ้ากระจุกใหญ่                     เท้านั้นไซร้เหยียบหินกระชับมั่น
เอื้อมแขนเก็บดอกไม้ได้ฉับพลัน                     จะให้ยอดชีวันผู้ขวัญใจ
 แต่บัดดลฟ่อนหญ้าที่ยึดอยู่                            เกิดล่วงพรูหลุดจากดินแปลกไฉน
เท้าเหยียบหินเสียหลักพลาดทันใด               ร่วงตกไปในน้ำกระแสแรง
เป็นตอนน้ำลึกวน และเชี่ยวกราก                 ฉุดกระชากชีพมนุษย์แม้แข็งแกร่ง
ม้วนลงใต้วังวนที่ฤทธิ์แรง                               มองคล้ายแกล้งดำหายในนที




          เห็นร่างโผล่ชูมือถือดอกไม้                  ปากร่ำให้ น้องจ๋า-อย่าลืม-พี่
 แล้วจมหายลับไปในทันที                           สิ้นชีวีทั้งรักสลักใจ
   สาวเจ้าร่ำไห้ใจจะขาด                                   โอ้อนาถรักข้ามาสูญได้
อยู่หลัดๆพลัดพรากจากกันไป                       ไม่น่าเป็นไปได้อนิจจา!
 คำฝากรักยังก้องอยู่ในหู                                 พ่อยอดชู้ยอดจิต ชีวิตข้า
แสนสงสารน้ำคำพร่ำพรรณนา                     ไม่คิดสักนิดว่าจะพรากกัน
         เห็นแต่มือชูช่อไม้อยู่ไหวไหว                   ปากพร่ำวอน ขอให้อย่า-ลืม-ฉัน
 น้องจะลืมพี่ได้อย่างไรกัน                               ใจสลักรักมั่น แสนอาดูร
เธอล้มลงครวญคร่ำในพงหญ้า                     ยอดชีวามาร้างร่างดับสูญ
ละห้อยไห้ฟูมฟายเทวศน์พูน                         โลกดับสูญด้วยสิ้นสมปฤดี



ตำนานว่าต่อมาดอกไม้นั้น                             เลยมีชื่อเรียกกันทุกถิ่นที่
ว่า “ Forget-me-not ” เข้าเรื่องดี               “ อย่า-ลืม-พี่ ” ดั่งคำที่อำลา
ตำนาน “Forget me-not”                           ดังเล่านี้ หลักฐานไม่มีให้ค้นหา
แต่เนื้อความตามเรื่องที่เป็นมา                       ก็ฟังว่าน่าจะใช่ตำนานจริง
แต่จะจริงหรือไม่จริงแปลกไฉน?               อ่านเล่นๆด้วยใจสงบนิ่ง
จะรู้สึกเพลิดเพลินได้จริงๆ                          นึกเห็นภาพทุกสิ่งดั่งบรรยาย

** หมายเหตุจากวิชัยยุทธจุลสาร สอนให้รู้ว่า “รักคือทุกข์สุขเป็นอนิจจัง ”







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น