วันหนึ่งทั้งคู่ไปเดินเล่นริมแม่น้ำ บังเอิญสาวคนรักเหลือบไปเห็นดอกไม้แปลกหน้าสีม่วงเข้มสดใส ซึ่งไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ชูดอกงามอยู่ริมตลิ่ง เธอก็เลยขอร้องคนรักให้ลงไปเก็บให้ ซึ่งเขาก็ทำตามโดยดี แต่โชคร้ายที่ตลิ่งลื่นมาก และตัวเขาก็ใส่เสื้อเกราะเหล็กซึ่งหนักอึ้งอยู่ ชายหนุ่มก็เลยลื่นตกลงไปในแม่น้ำที่เชี่ยวกราก เขาพยายามตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด แต่เพราะน้ำหนักเสื้อทำให้เขาจมลงไปทุกที ชายหนุ่มรู้จุดจบของเขาคงจะมาถึงแน่แล้ว เขาจึงโยนดอกไม้ดอกงามขึ้นไปให้สาวคนรักและตะโกนบอกเธอเป็นประโยคสุดท้ายว่า “ Ne moubliez pas... อย่าลืมฉันนะที่รัก ” จากนั้นร่างของเขาก็จมลงหายไปในแม่น้ำ “ ดอก Forget Me Not ” (เป็นคำในภาษาอังกฤษแปลว่าอย่าลืมฉัน) จึงถูกตั้งให้เป็นตัวแทนของรักแท้ที่ไม่มีวันดับ เหมือนความรักของอัศวินหนุ่มกับสาวคนรักนั้นเอง
ณ ริมฝั่งท้องธารละหานหนึ่ง
ร่มเย็นซึ้งธรรมชาติประสาทให้
มีเนินหญ้า พุ่มไม้ดอกและใบ
ล้วนสีสันสดใสเพลินนัยตา
สายลมโชยโบยบัดมารวยรื่น
ระลอกคลื่นระริกไล่ให้หรรษา
นกส่งเสียงเริงรื่นชื่นอุรา
สายธาราไหลเชี่ยวเป็นเกลียวแรง
มีสาวงามหนุ่มหล่อนั่งคลอเคล้า
หน้าสาวเจ้าซบแนบแอบอกแกร่ง
ในอ้อมกอดด้วยแขนอันแข็งแรง
ต่างแสดงรักรื่นชื่นหทัย
หนุ่มออดอ้อนด้วยวาจาอันเปี่ยมรัก
ด้วยจิตใจผูกสมัครเสน่หา
“ แม่ยอดรักดวงจิตชีวิตพี่
พี่แสนรักดวงฤดีนี่ไฉน
จะขอรัก-รักเจ้านะทรามวัย
แม้ชีวิตหาไม่รักนิรันดร์
ทั้งชาตินี้ชาติหน้าและชาติไหน
ขอเป็นคู่ร่วมใจแม่จอมขวัญ
จะครองรักสดชื่นทุกคืนวัน
ใช่เสกสรรปั้นกล่าวนะแก้วตา ”
แม่สาวน้อยแสนปลื้มในคำรัก
ช่างเพราะนักจิตสวาทเสน่หา
โลกทั้งโลกเรืองรองเหลือคณา
สว่างจ้าประจักษ์แจ้งแก่โฉมตรู
“ โอพี่ขายอดจิต ชีวิตน้อง
ช่างเพราะพร้องน้ำคำฉ่ำชื่นหู
อันถ้อยคำของพี่ที่พร่างพรู
ประจักษ์รู้รักแท้แน่แก่ใจ
น้องจะรัก-รักพี่ไม่มีห่าง ไม่จืดจางจวบชีวิตจะหาไม่
จะภักดีต่อพี่ยอดดวงใจ
จะเทอดทูนรักไว้สุดชีวัน”
สองหนุ่มสาวพลอดพร่ำด้วยคำหวาน แสนชื่นบานในรักสลักมั่น
เชื่อว่ารักจักชื่นทุกคืนวัน
ไม่มีวันแปรเปลี่ยนเป็นอื่นใด
หาคิดไม่ว่าทุกสิ่งนั้นไม่เที่ยง
ไม่สามารถหลีกเลี่ยงกรรมใดได้
คิดว่ารักจักเที่ยงตลอดไป
เหมือนเสพย์สุขอยู่ในสุขาวดี
ทันใดนั้นสาวเจ้าแลชม้อย
เห็นดอกไม้ช่อน้อยๆงามสุดสี
ช่อสีฟ้ากระจิดหริดน่ารักดี
ใกล้นทีเดียรดาษลาดต่ำลง
เธอเอื้อนเอ่ยอยากได้ดอกไม้นั้น
แต่เกินฝันเพราะอยู่ไกลใจใหลหลง
พ่อหนุ่มว่า “ ยอดชีวาอย่าพะวง
พี่จะลงเก็บให้ในพริบตา
ว่าสิ่งใดใดในโลกนี้
ถ้าน้องพี่มุ่งมาดปรารถนา
จะไขว่คว้าหาให้นะแก้วตา
เว้นดาวเดือนบนฟ้านั้นจนใจ”
ประทับจูบบนแก้มของสาวรัก
ไม่ช้าชักไต่ลงริมฝั่งใหญ่
โน้มเก็บดอกสีฟ้าให้ยาใจ
เอื้อมเท่าไรไม่ถึงจึงหยุดพลัน
เอามือหนึ่งยึดหญ้ากระจุกใหญ่
เท้านั้นไซร้เหยียบหินกระชับมั่น
เอื้อมแขนเก็บดอกไม้ได้ฉับพลัน
จะให้ยอดชีวันผู้ขวัญใจ
แต่บัดดลฟ่อนหญ้าที่ยึดอยู่
เกิดล่วงพรูหลุดจากดินแปลกไฉน
เท้าเหยียบหินเสียหลักพลาดทันใด
ร่วงตกไปในน้ำกระแสแรง
เป็นตอนน้ำลึกวน และเชี่ยวกราก
ฉุดกระชากชีพมนุษย์แม้แข็งแกร่ง
ม้วนลงใต้วังวนที่ฤทธิ์แรง
มองคล้ายแกล้งดำหายในนที
เห็นร่างโผล่ชูมือถือดอกไม้ ปากร่ำให้ “น้องจ๋า-อย่าลืม-พี่”
แล้วจมหายลับไปในทันที สิ้นชีวีทั้งรักสลักใจ
สาวเจ้าร่ำไห้ใจจะขาด
โอ้อนาถรักข้ามาสูญได้
อยู่หลัดๆพลัดพรากจากกันไป
ไม่น่าเป็นไปได้อนิจจา!
คำฝากรักยังก้องอยู่ในหู
พ่อยอดชู้ยอดจิต ชีวิตข้า
แสนสงสารน้ำคำพร่ำพรรณนา
ไม่คิดสักนิดว่าจะพรากกัน
เห็นแต่มือชูช่อไม้อยู่ไหวไหว ปากพร่ำวอน
ขอให้อย่า-ลืม-ฉัน
น้องจะลืมพี่ได้อย่างไรกัน
ใจสลักรักมั่น แสนอาดูร
เธอล้มลงครวญคร่ำในพงหญ้า
ยอดชีวามาร้างร่างดับสูญ
ตำนานว่าต่อมาดอกไม้นั้น
เลยมีชื่อเรียกกันทุกถิ่นที่
ว่า “
Forget-me-not ” เข้าเรื่องดี “ อย่า-ลืม-พี่ ” ดั่งคำที่อำลา
ตำนาน “Forget
me-not”
ดังเล่านี้ หลักฐานไม่มีให้ค้นหา
แต่เนื้อความตามเรื่องที่เป็นมา
ก็ฟังว่าน่าจะใช่ตำนานจริง
แต่จะจริงหรือไม่จริงแปลกไฉน?
อ่านเล่นๆด้วยใจสงบนิ่ง
จะรู้สึกเพลิดเพลินได้จริงๆ นึกเห็นภาพทุกสิ่งดั่งบรรยาย
** หมายเหตุจากวิชัยยุทธจุลสาร สอนให้รู้ว่า “รักคือทุกข์สุขเป็นอนิจจัง ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น